เหรียญหล่อพระประจำวัน "พิมพ์นาคปรก" วัดบ่อทรัพย์ ปี ๒๔๘๔
สงขลา ในห้วงสงครามมหาเอเชียบูรพาที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ไปสิ้นสุดเมื่อวันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ได้ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดเพื่อทำลายฐานที่มั่นและกำลังพลของฝ่ายกองทัพญี่ปุ่น รวมทั้งสิ้น ๔ ครั้ง ครั้งแรกบริเวณเรือนจำและวัดดอนรักช่วงกลางวัน ครั้งที่สองเป็นช่วงกลางคืน มีการทิ้งระเบิดรวม ๔ ลูก ลูกแรกทิ้งบริเวณทางรถไฟหน้าวัดหัวป้อมนอก ลูกที่ ๒ ที่โรงงานของโรงเรียนการช่างสตรีสงขลา ลูกที่ ๓ ระเบิดถังน้ำมัน (ปัจจุบันคือ บริเวณสวนเถ้าแก่) เป็นคลังน้ำมันของญี่ปุ่น และลูกที่ ๔ ทิ้งบริเวณบ้านพักศึกษาธิการจังหวัด มีทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ครั้งที่สามเป็นการทิ้งระเบิดบ้านพักอาศัยในเขตถนนนครใน บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก เป้าหมายการโจมตีครั้งนี้คือ ตึก ๕ ชั้น ที่ทหารญี่ปุ่นยึดจากคนไทย ใช้เป็นฐานบัญชาการ ครั้งที่สี่ เป็นครั้งรุนแรงที่สุด คือการทิ้งนะเบิดปี พ.ศ. ๒๔๘๘ เป้าหมายการโจมตีคือ ตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ก่อนหน้าที่จะมีการทิ้งระเบิดได้มีการโปรยใบปลิวเพื่อประกาศให้ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอพยพหนีออกจากเมืองสงขลา ชาวบ้านที่เชื่อก้หนี ส่วนที่ไม่เชื่อก็อยู่ นับเป็นระเบิดที่เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก (ประวัติศาสตร์บอกเล่าเมืองสงขลา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๘, เพียงแข พงษ์ศิริบัญญัติ)
ห้วงเวลานั้นชาวบ้านชาวช่องล้วนต่างขวัญผวาหวาดกลัวเกรงภัย เหล่าพระเกจิอาจารย์เมืองสงขลาจึงสร้างวัตถุมงคล ‘พระปิดตา’ และพิมพ์พระเครื่องชนิดอื่นๆ ขึ้นมา เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่ชาวเมืองสงขลา พระปิดตา และพิมพ์พระอื่นๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงระยะเวลานี้มีมากที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดอื่นๆ ทางภาคใต้
ที่วัดบ่อทรัพย์ ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา โดยหลวงพ่อคง อดีตเจ้าอาวาสวัดบ่อทรัพย์ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. ๒๔๘๒-๒๔๘๘ ได้จัดสร้างขึ้นมีพระเกจิอาจารย์ดังในยุคนั้นร่วมปลุกสก เช่น หลวงพ่อเอียด วัดเขาอ้อ หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย หลวงพ่อคง วัดธรรมโฆษณ์
พระหล่อชุดนี้จัดสร้างขึ้นมาหลายพิมพ์ด้วยกัน เช่น พิมพ์พระปิดตา ที่ยกให้เป็น ๑ ใน ๕ เสือ ปิดตาเมืองสงขลา ซึ่งก็มีหลายพิมพ์แยกย่อย ที่พบเจอคือ
- พระปิดตาพิมพ์เล็บมือหลังยันต์นะ
- พระปิดตาพิมพ์เล็บมือสองหน้า
- พระปิดตาพิมพืห้าเหลี่ยม
- พระปิดตาพิมพ์ห้าเหลี่ยมใหญ่
- พระปิดตาพิมพืห้าเหลี่ยมเล็ก
- พระปิดตาพิมพ์ข้างรัศมี
พิมพ์หลวงพ่อโต พิมพ์พระพุทธห้าเหลี่ยมข้างอุ และพิมพ์พระประจำวันต่างๆ มีทั้งแบบหล่อหลังเรียบ และหล่อหลังยันต์ แต่ละองค์จะแตกต่างกันไป...
ปูมหลังของหลวงพ่อคง วัดบ่อทรัพย์ กล่าวว่าท่านเป็นคนบ้านกาบู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา อีกทั้งยังเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาในสำนักวัดเขาอ้อ ภายหลังได้ธุดงค์มาจำพรรษาที่วัดบ่อทรัพย์ จนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด
ที่วัดบ่อทรัพย์ยังมีสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อคงได้ทิ้งไว้ คือ ต้นละมุด หรือที่คนพื้นที่เรียกกันว่า ‘ต้นซาหวา’ ที่เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบัน พระบุญเนาว์ สิริปุณโญ ได้เล่าว่า ต้นละมุด หรือต้นซาหวาที่วัดบ่อทรัพย์ น่าจะปลูกมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อคง และเป็นต้นไม้คู่วัดบ่อทรัพย์มาอย่างยาวนาน มีขึ้นทั่วบริเวณวัด ทุกต้นยังคงมีลูกดกมาก ซึ่งเป็นรายได้หนึ่งของทางวัดโดยได้ให้แม่ค้ามาเหมาเก็บไปขายเป็นรายปีนำเงินรายได้บำรุงวัด
เป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญวัดบ่อทรัพย์ที่ว่า “ซาหวารสดี บารมีสามหลวงพ่อ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ท่านเจ้าเขา”
ที่วัดบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นบ่อน้ำพื้นเมือง กรุด้วยอิฐขนาดใหญ่ อยู่บริเวณหน้าวัดมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๗ เมตร เรียกกันว่า ‘บ่อซับ’ ด้วยเป็นบ่อน้ำที่ซึมซับลงมาจากภูเขา อันที่มาของชื่อ ‘บ่อทรัพย์’
ในอดีตบ่อซับเป็นที่เลื่องชื่อในการรักษาโรค คือ นำน้ำจากบ่อซับไปดื่มกินและอาบเพื่อรักษาโรค และยังเป็นที่ร่ำลือว่ามีสมบัติอยู่ในบ่อซับ มีเรื่องเล่ากันว่า เคยมีคนไปตักน้ำที่บ่อซับเห็นขันทองลอยขึ้นมากลางบ่อหมุนเวียนอยู่อย่างนั้น จะตักก็ตักไม่ได้ เมื่อเอาถังลงไปตักขันทองก็จะจมลงในบ่อแล้วลอยขึ้นมาใหม่ หมุนเวียนอยู่อย่างนี้สักพักใหญ่ก็จะจมหายไป ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เชื่อว่า ทรัพย์สมบัติที่ดผล่ขึ้นมาให้เห็นเพื่อให้รู้ว่าบ่อนี้มีทรัพย์เท่านั้น แต่เอาไปเป็นเจ้าของไม่ได้ คนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เห็น บ่อซับจึงได้ชื่อว่า ‘บ่อทรัพย์’
วัดบ่อทรัพย์แห่งนี้ สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๖๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๐๐ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๐๙ ตอนที่ ๑๑๙ วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕.....